วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Week5:เรื่องที่สนใจ

10ตำนานเฮี้ยน โรงเรียนผีดุของไทย



   
พวกเราคงเคยได้ยินเรื่อง "10 ตำนานเฮี้ยน โรงเรียนผีดุที่สุดของประเทศไทย" กันดีกว่า โดยเรื่องเล่าต่อไปนี้นั้นเป็นตำนานที่ยังคงถูกพูดถึงและบอกเล่ากันมาปากต่อ ปาก จะหลอนและน่ากลัวแค่ไหน ไปดูกันกว่าครับ.....

 


ครูนาฏศิลป์


      
เรื่องราวชวนขนหัวลุกของครูนาฏศิลป์ ร.ร.ชื่อดังแห่งนึ่ง ที่ยังอยู่กับนร.แม้จะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม

   ผมจะมาเล่าเรื่องของโรงเรียนของผมให้ฟังครับ โรงเรียนของผมเป็นโรงเรียนรัฐบาลที่มีชื่อเสียงมากเป็นอันดับหนึ่ง แต่ใครจะไปรู้ว่าอันที่จริงนั้นโรงเรียนของผมก็มีเรื่องเล่าที่เล่าสืบต่อ กันมายาวนานถึงดวงวิญญาณที่คุ้มครองโรงเรียนแห่งนี้ ทุกคนในโรงเรียนต่างรู้จักประวัติโรงเรียนนี้ดี         

   โรงเรียนเราในอดีต เคยมีครูคนหนึ่งชื่อ "ครูวิภา" ซึ่งเป็นครูที่เน้นระเบียบมาก และอีกอย่างท่านเป็นครูที่มีทักษะทางด้านวิชานาฎศิลปมาก ซึ่งท่านก็เป็นที่รู้จักมากในวงการนาฎศิลปไทย และอีกอย่างครูวิภาเน้นในเรื่องมารยาทมาก
  
     จนมาวันหนึ่งครูวิภาป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล จนกระทั้งวันหนึ่งครูวิภา ได้ตัดสินใจหนีออกจากโรงพยายาบาลเพื่อจะมาซ้อมรำ เพื่อส่งเด็กนักเรียนไปแข่งรำไทย ซึ่งเรื่องนี้ในบรรเด็กที่เรียนกับครูวิภาต่างรู้เรื่องดี    

     ในคืนนั้นแต่เมื่อเวลาประมาณ 1 ทุ่มกว่าๆ ครูวิภา เกิดอาการไออย่างหนัก จึงตัดสินใจไปเอายาที่ห้องพักครูนาฎศิลป์ แต่ช่างโชคร้ายนักครูวิภาได้เสียชีวิตอย่างไร้สาเหตุ ณ ห้องพักครูนาฎศิลป์แห่งนั้น

      ซึ่งปัจจุบันยังมีคำถามคาใจอยู่ว่า #ครูวิภา ได้เสียชีวิตลงเพราะเหตุใด ซึ่งเป็นปมที่ไม่มีใครตอบได้ ซึ่งต่างก็คาดเดากันไปว่าอาการคงทรุดกระทันหัน      

       ซึ่งเรื่องนี้จึงให้เกิดคำพูดสั่งสอนที่ครูนาฎศิลป์ทุกรุ่นต่างพร่ำสอน ลูกศิษย์ว่า "ตั้งวงสวย ให้เหมือนครูวิภา" นี่เป็นสุภาษิตที่ทุกคนในโรงเรียนที่เคยเรียนวิชานาฎศิลป์ทุกๆ รุ่นจะได้ยินกัน แต่เรื่องมันไม่จบแค่นั้น ล่าสุด

      ผู้อำนวยการโรงเรียนของผมได้มีคำสั่งว่าจะทำการรื้อห้องนาฎศิลป์ไทย แต่ไม่ทันได้ย้าย           
      
       คืนนั้นช่างที่มาทำการย้ายของออกจากห้องต่างหลอนไปตามๆ กัน เพราะคืนนั้นทุกคนต่างเห็นเหมือนกันว่าเห็นนางรำมารำอยู่บนห้องนาฎศิลป์ ไม่ใช่แค่วันเดียวแต่ทุกวัน จนช่างไม่กล้าที่จะย้ายสิ่งของออกไปใหน ปัจจุบันห้องนาฎศิลป์ก็ยังคงอยู่ หลายคนเชื่อว่าเป็นเพราะความศรัทธาแห่งครูวิภาที่ยังยึดมั่นในความเป็นครู นาฏศิลป์นั้นเอง






  
ตำนานนักเรียนโบว์เขียว
          
   เรื่องราวของนักเรียนโบว์เขียวของ ร.ร.รัฐบาลชื่อดังแห่งนึง ที่โผล่มาทีไรหลอนไป 3 วัน 3 คืน


   เรื่องนี้เป็นเรื่องของ เพื่อนเราซึ่งเป็นเด็กใหม่ย้ายมาจาก ร.ร. รัฐบาลชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัด..... ซึ่ง ร.ร.แห่งนี้มีเรื่องหลอนชวนขนหัวลุกอยู่เรื่องนึง!!


   โรงเรียนรัฐบาลส่วนมาก เค้าจะมีกฏระเบียบการให้ผูกโบว์ผูกผมด้วยโบว์สีน้ำเงินหรือสีน้ำตาลกันใช่ ไหม ?? แต่เรื่องหลอนนี้เกิดขึ้นจาก "นักเรียนโบว์เขียว" ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้เราไม่แน่ใจว่ามีกฏระเบียบบังคับโบว์หรือเปล่า แต่เด็กคนนี้จะผูกโบว์ผูกผมสีเขียวมาตลอดทุกวัน คือมีอยู่วันนึงนักเรียนหญิงคนนี้ขึ้นมานั่งทำงาน หรืออะไรซักอย่างบนห้องตอนพักกลางวัน เธอนั่งอยู่ตรงกับพัดลมพอดี ด้วยความที่โรงเรียนอยู่มานานมากๆๆ ของบางอย่างก็ต้องทรุดโทรมไปตามเวลา
    "ทำให้พัดลมก็ค่อนข้างที่จะเก่า จะหล่นแหล่ไม่หล่นแหล่ วันนั้นโชคร้ายมันเป็นวันของการจากไปของทั้งพัดลม และนักเรียนโบว์เขียว

     ระหว่างที่เธอนั่งอยู่นั้น พัดลมได้หล่นลงมาตรงที่เธอนั่ง และตัดหัวเธอให้หลุดออกจากบ่า เรื่องนี้กลายเป็นตำนานสุดสะเทือนขวัญที่ใครๆ ในโรงเรียนแห่งนี้ก็รู้ดี หลังจากนั้นไม่นาน เพื่อนๆ ยังคงไม่ลืมนักเรียนโบว์เขียวคนนั้น ไม่มีใครกล้านั่งที่นั่งของเธอ จนวันนึงที่เพื่อนๆ เริ่มที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และเรื่องนักเรียนโบว์เขียวเริ่มจางหายไปตามกาลเวลา

     คาบเรียนคาบหนึ่งของวันครูได้ถามคำถามบางอย่างในเนื้อหาการเรียนที่ไม่มีใคร ตอบได้ จู่ๆ ครูก็พูดขึ้นมาว่า "อ่ะ โบว์เขียวตอบซิ" เพื่อนๆ ต่างมองหน้ากัน เพื่อนแถวหน้าจึงถามครูว่า "ใครโบว์เขียวคะ" เพราะในห้องมีแต่นักเรียนผูกโบว์สีน้ำเงินและสีน้ำตาลเท่านั้น ครูเลยบอกว่า "ก็เด็กผูกโบว์เขียวที่นั่งอยู่หลังห้องเค้ายกมือ"

     จังหวะนั้นทุกคนเข้าสู่ภาวะความเงียบทันที เพราะต่างรู้ดีว่าใครที่ผูกโบว์สีเขียว เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งเดียว บ่อยครั้งที่เพื่อนร่วมห้องต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ ทุกครั้งที่ครูถามถ้าไม่มีใครตอบ จะมีบุคคลปริศนาผูกโบว์สีเขียวยกมือตอบทุกครั้ง แม้เรื่องนี้จะผ่านมานานแล้วก็ตาม แต่ชื่อของเธอยังคงวนเวียนอยู่ในโรงเรียน

     รุ่นน้องรุ่นต่างๆ ที่เข้ามาใหม่ก็มักจะได้ฟังตำนานนี้ และเรียกเธอว่า.. พี่โบว์เขียว!!





อาถรรพ์ ร.ร.ประถาม
     เป็นโรงเรียน ประถมเล็กๆ แต่อยู่ใจกลางเมืองนนทบุรี อยู่ติดกับวัด  เรื่องแรกคือ เรื่องกุมารทอง ตอนนั้นเราทำหน้าที่เป็นบรรณารักษ์ของห้องสมุดของโรงเรียน ซึ่งห้องสมุดนั้นก็ติดกับห้องพยาบาล ที่ลือกันว่าครูประจำห้องนี้เลี้ยงกุมารทองไว้!!

         ทุกตอนเย็น เราจะจัดหนังสือเข้าชั้นเรียบร้อย และเอากุญแจไปคืนให้ครู แต่เชื่อไหมครับว่า ทุกเช้าที่เรามาเปิดห้องสมุด หนังสือทั้งหมดกลับเรียงไม่เป็นระเบียบ ทั้งที่จัดเรียบร้อยก่อนกลับแล้วทุกครั้ง และคนที่มีสิทธิ์เปิดห้องสมุดได้คือบรรณารักษ์เท่านั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนมาเปิด เรามาเริ่มเชื่อเรื่อง "กุมาทอง" ตอนที่ว่าบางวันเราทำงานกับเพื่อนถึงเย็น ก็จะมีเสียงเด็กมาเล่นอยู่แถวห้องสมุด ทั้งๆ ที่เด็กนักเรียนก็กลับกันจะหมดแล้ว หรือที่ขนลุกสุดๆ ก็อย่างเหตุการณ์สมุดเล่มหนาตกมาบ่อยๆ ทั้งที่ไม่มีลมไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแม้แต่คนเดียว

         นอกจากเรื่องเกี่ยวกับกุมารทองแล้ว โรงเรียนของเรายังมีอีกเรื่องที่ดังมากกกก นั้นคือ "ห้องน้ำชาย" มีเรื่องของห้องน้ำชายที่ปิดตาย รุ่นพี่ๆ เคยเล่าว่าเมื่อก่อนห้องน้ำนี้ก็เปิดใช้ แต่พอนานๆ เข้ากลับถูกปิดตายโดยไม่มีสาเหตุ หลายคนบอกว่าสาเหตุที่น้องน้ำปิดน่าจะมาจากเสียงร้องไห้ปริศนาที่ชอบดังมา จากในนั้น ประกอบกับกระจกในห้องน้ำก็ถูกถอดออก เพราะเล่ากันว่าเคยมีคนเห็นเด็กผู้หญิงในชุดนักเรียนที่มีเลือดอยู่ในกระจก

          แต่ที่สยองของจริงนั้นคือ ชั้น 4 ของโรงเรียนเราแห่งนี้ถูกปิด!! ไม่รู้เพราะอะไร ปิดไม่ใช้งาน แต่ก็เปิดให้คนขึ้นไปได้นะ มีครั้งนึงเราขึ้นไปเอาของ เราก็เหมือนได้ยินเสียงคนเดินตามพอหันหลังก็ไม่เจอใคร ดูวังเวงมากๆ จะว่าไปโรงเรียนของเราก็แปลกมาก คือโรงเรียนเราจะไม่มีศาลเลยทั้งๆที่เป็นโรงเรียนพุทธ แต่ปลูกต้นไทรไว้ แล้วที่โรงเรียนมีห้องที่ลับเยอะมาก

          จนกระทั่งเรื่องราวทั้งหมดมาเฉลยว่า จากประวัติแล้วโรงเรียนของเราเคยเป็นโรงพยาบาลมาก่อน พระที่เคยมาโรงเรียน ท่านเคยบอกว่าโรงเรียนเรามีวิญญาณเยอะมากไม่รู้ทำไม และส่วนใหญ่มักไม่ตายดีเท่าไหร่ บางวันได้ยินเสียงร้องไห้ บางทีหัวเราะ ยิ่งคนที่จิตอ่อนจะเจอบ่อยมาก นี่แหละคือเรื่องโรงเรียนประถมที่เป็นรร.เก่าเรา ทุกวันนี้กลับไปทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม 




ใคร (แอบ) ในห้องสมุด!
     เป็นเรื่องของห้องสมุดในโรงเรียนชื่อดังที่ว่ากันว่า มีเรื่องเฮี้ยนเรื่องหลอนให้เล่ากันได้ทุกวี่ทุกวัน คนที่เจอบ่อยสุดคงหนีไม่พ้นบรรณารักษ์ที่นั่งๆ อยู่ก็จะเห็นเงาดำๆ อยู่บริเวณมุมมืดของห้องสมุด

     แต่พอเดินไปดูกลับไม่มีใคร กลับ มานั่งก็ได้ยินเสียงคนคุยซุบซิบกัน เสียงวางหนังสือ ทั้งๆ ที่ในห้องนั้นไม่มีใคร..บางครั้งตอนเช้าพอเปิดห้องสมุดมากลับมีรอยเท้าเดิน ทั่วห้องสมุดทั้งๆ ที่ก่อนจะปิดห้องก็ทำความสะอาดอย่างดีแล้ว ทำเอางง? กันไปหมด!

       อีกเรื่องที่เป็นตำนานก็คือ เรื่องของบัตรยืมห้องสมุดของอดีตนักเรียนคนนึงซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่กลับมีคนเห็นบัตรยืมของเค้าไปตกอยู่ตรงมุมมืดที่ไม่ค่อยมีใครเข้าไปใช้ งานบ่อยๆ ขนาดทุกวันนี้ยังมีคนเอาบัตร(ผี)ใบนี้มาคืนอยู่บ่อยๆ จนบรรณารักษ์หลอนกันไปหมด





เรื่องของตึก 2
      คราวนี้เป็นเรื่องของโรงเรียนมัธยมวัดพระศรีมหาธาตุ ที่มีตึกสุดหลอนที่เด็กๆ เล่ากันมาจนหลอนนั่นก็คือตึก 2

      ที่เมื่อก่อนมีลิฟท์แต่จู่ๆ ก็เลิกใช้กันโดยไม่มีใครรู้สาเหตุ แต่จริงๆ ทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าลิฟท์ตัวนี้มันไม่ธรรมดา เพราะเคยมีคนงานก่อสร้างตายขณะที่กำลังติดตั้งลิฟท์ตัวนี้อยู่

     คนเลยมักเจอเรื่องแปลกๆ กันอยุ่บ่อยๆ ทั้งเงาประหลาด เสียงกรีดร้อง และมือผีที่โผล่ออกมาให้เห็นกันจะๆ เรื่องของตึก 2 ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะมีเรื่องของห้องน้ำที่ตอนเย็นๆ ใครเข้าไปใช้งานมักจะรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีคนเข้าห้องน้ำห้องข้างๆ อยู่ตลอดเวลาทั้งๆ ที่ไม่คน! แถมยังเคยมีคนเห็นเงาคนต่อคิวทั้งๆ ที่ออกมาก็ไม่มีใคร เสียงเปิด-ปิดประตูที่ดังปึ้งปั้งๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีคนอยู่ ทำเอาคนไม่กล้าเดินผ่านห้องน้ำคนเดียวเลย




ผีเหรียญในโรงเรียน

    คงไม่แปลกที่ใครจะอยากลองเล่นผีถ้วยแก้วเพื่อลองดีในโรงเรียน แต่เมื่อฟังเรื่องนี้แล้วหลายคนอาจจะกลัวจนไม่กล้าเล่นก็ได้

    เป็นเรื่องของห้องดนตรีไทยที่ถูกปิดตาย ที่ว่ากันว่าใครเดินผ่าน ใครไปส่องดูต้องเจอดีอยู่บ่อยๆ เลยทำให้เด็กกลุ่มหนึ่งอยากลองของเลยไปเล่นผีเหรียญในห้องนั้นดู ตอนแรกๆ ก็คิดว่าคนเป็นคนผลักเหรียญ หลังๆ เริ่มน่ากลัวขึ้นจนเพื่อนคนนึงในกลุ่มลงไปนอนชักอยู่กับพื้น ที่เหลือจึงตะโกนเรียกเพื่อนที่รออยู่ข้างนอกให้เข้ามาช่วยแต่ก็ไม่มีใครเข้ามา

    จู่ๆ ลมพัดมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ทำเอาประตูหน้าต่างชนกันดังปังๆ จึงรีบวิ่งไปเปิดประตูแต่เปิดยังไงก็ไม่ออก จึงพากันยกมือไหว้ขอขมา ขอโทษที่เข้ามาลบหลู่ ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกอย่างง่ายดาย..เพื่อนที่รอยู่ข้างนอกก็ตกใจว่าทำไม ถึงเป็นแบบนี้ ทำไมไม่เรียกให้ช่วย ทั้งๆ ที่ข้างในตะโกนกันแทบตาย แต่ข้างนอกได้ยินแต่เสียงหัวเราะ!





หลอน ณ อาคาร 6
    เป็นเรื่องของโรงเรียนชื่อดังย่านปากเกร็ด นนทบุรี ที่ว่ากันว่าแต่ก่อนเคยเป็นศาลาพักศพมาก่อน

    จึงทำให้ทุกวันอังคารจะต้องมีการทำบุญที่ตึก เพราะมีเรื่องราวหลอนๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอด เคยมีครูคนนึงทำงานเลิกดึก พอเดินลงมา กลับเห็นเด็กใส่ชุดนักเรียนนั่งอยู่บนป้ายตรงทางเดิน ครูจึงเข้าไปถามว่า "เป็นอะไร ทำไมยังไม่กลับบ้าน" แต่พอเด็กคนนั้นเงยหน้าขึ้นครูก็ตกใจจนร้องไม่ออก เพราะน้ำตาของเด็กคนนั้นไหลออกมาเป็นเลือด แถมป้ายที่นั่งอยู่ก็ติดกับผนังไม่มีทางที่คนจะนั่งตรงนั้นได้ ครูเลยต้องรีบวิ่งกลับบ้านไป

     แต่เรื่องไม่ได้มีแค่นี้ เพราะเคยมีเด็กที่มาเช้าๆ นั่งรอเพื่อนในห้องอยู่ดีๆ ก็มีเด็กหญิงใส่ชุดนักเรียนเดินเข้ามา แต่หน้าไม่คุ้น "ถึงถามว่าชื่ออะไรหรอ ทำไมมาเช้าจัง?" เด็กคนนั้นไม่ตอบ แต่กลับร้องไห้และวิ่งออกไปตรงระเบียงพร้อมกลับกระโดดลงไป! เมื่อวิ่งตามไปดูกลับไม่เห็นร่างของใครทั้งนั้น เลยว่ากันว่าเป็นวิญญาณของรุ่นพี่ที่เคยกระโดดตึกฆ่าตัวตายนั่นเอง





 คุณยายบนตึกเรียน
    เป็นเรื่องราวที่นักเรียนเล่าต่อๆ กันมา กับสิ่งที่ครูคนนึงได้เห็น..วัน นั้นครูคนนี้มาโรงเรียนเช้าเลยยังไม่ค่อยมีคนมากนัก

    พอเดินไปถึงตึกจึงมองขึ้นไป กลับเห็นคุณยายแก่ๆ คนนึงใส่ชุดออกจีนๆ ครูก็คิดในใจว่าเป็นผู้ปกครองของใคร? หรือมาหาใคร? จึงรีบเดินขึ้นตึกไป พอไปถึงชั้นกลับไม่พบคุณยายคนนั้นแล้วทั้งๆ ที่ทางขึ้น-ลงของตึกนี้มีอยู่ทางเดียว

    แต่คิดไปคิดมาครูก็ขนลุกแล้วจึงตัดสินใจหันหลังเพื่อที่จะเดินต่อ..แต่ก็ต้องหยุด ชะงักเมื่อเห็นยายคนนี้นั่งอยู่หน้าห้อง ครูจึงทำเป็นมองไม่เห็น และจะเดินเข้าห้องไป แต่ระหว่างที่เดิน ยายกลับหันคอตามครูไปจนเลือดค่อยๆ ไหลออกมาจากคอ ใบหน้าก็ยิ้มไปด้วย แล้วก็มีเสียงเอี๊ยดดดด! ดังลั่นเหมือนเสียงกลอนประตู

    ครูจึงรีบวิ่งเข้าห้อง และไม่หันกลับมาดู เหมือนเรื่องจะจบแล้ว แต่พอนตกเย็นครูก็ได้ยินข่าวว่าแม่ของ ผอ. โรงเรียนตกบันไดคอหักเสียชีวิต เมื่อไปเห็นรูปก็ถึงกับช็อค เพราะคือคุณยายที่ครูเห็นตอนเช้านั่นเอง!




ผีห้องพยาบาล    
     เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของโรงเรียนชื่อดังแถวๆ สยาม ที่เป็นแหล่งรวมเด็กเก่งทั้งหลาย เรื่องมีอยู่ว่าปกติเด็กๆ ที่ขี้เกียจเรียน อยากจะโดดเรียน ไม่ชอบเรียนวิชาไหนก็มักจะอ้างว่าปวดหัว ไม่สบายจนสุดท้ายต้องไปนอนที่ห้องพยาบาลใช่มั้ย??

      แต่ที่โรงเรียนนี้คงจะทำอย่างนั้นได้ยาก เพราะมีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่าถ้าใครแอบป่วยไปนอนห้องพยาบาลล่ะก็ จะเจอดี คือจะเห็นเท้าคนเดินมาแถวๆ เตียงที่มีผ้ากั้นไว้ แต่กลับไม่เห็นเงาคน! บ้างก็ได้ยินเสียงคนเดินแต่ไม่มีใครอยู่ในห้อง ทำเอาพวกเด็กแกล้งป่วยไม่กล้ามานอนห้องพยาบาลกันเลยล่ะ




รองเท้าส้นสูงในห้องน้ำหญิง

     เรื่อง นี้เป็นเรื่องของห้องน้ำหญิงบริเวณโรงอาหาร ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่มีเรื่องเล่ากันว่ามักจะได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงเดินวนไปวนมาในห้องน้ำ อย่างไม่หยุดหย่อน

     เชื่อกันว่าเป็นวิญญาณของผู้หญิงที่เคยถูกฆ่าตาย ในห้องน้ำแห่งนี้ ซึ่งตอนนั้นเธอใส่รองเท้าส้นสูงอยู่ด้วย เลยทำให้ยิ่งเชื่อกันเข้าไปใหญ่ว่าวิญญาณของเธอยังไม่ไปไหน แต่ยังคอยวนเวียนอยู่ในจุดที่เธอตาย

 

 

เป็นไงกันบ้างครับกับ ตำนานโรงเรียนหลอนในไทย ถ้าใครชื่นชอบก็สามารถหาได้จากลิ้งก์ข้างล่างกันเลยครับผม !! ขอบคุณครับ

 

ที่มา  http://www.dek-d.com/article/32797/

              http://www.dek-d.com/lifestyle/31879/

              http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=newcar&date=11-03-2015&group=94&gblog=35

               http://newsdailyth.blogspot.com/2015/06/10_29.html?m=1 

1 ความคิดเห็น:

  1. เรื่องน่ากลัวเหมือนหน้าคนทำเลยค่ะ55555555555555555555555 รักนะ

    ตอบลบ